เอ็นโซ่ มาเรสก้า เฮดโค้ช เชลซี เรียกร้องให้คนในวงการลืมภาพลักษณ์เก่าๆของสโมสรที่อุดมโคตรแข้งจากทั่วทุกมุมโลกในเวอร์ชั่นสุกงอม เพราะเมื่อมันเปลี่ยนผ่านสู่มือเขาเจตนาคืออาศัยความกระตือรือร้นของพลังหนุ่มซึ่งไต่เต้าจากทีมเยาวชน
‘สิงห์บลูส์’ ยุค ‘บลูโค’ คงบ้าคลั่งเสริมทัพไม่ต่างจากอดีตสมัย โรมัน อบราโมวิช แตกแค่พอเป็นกลุ่มเจ้าของอเมริกันจะเน้นซื้อแข้งดาวรุ่งจากทั่วทุกมุมโลกเข้ากักตุน
ส่วนใครจะดีพอสอดแทรกสู่ทีม ขึ้นกับดุลยพินิจของกุนซือเวลานั้นมีไอเดียใช้งานแบบไหน
แล้วปรัชญาของ มาเรสก้า คืออยากสร้างสมดุลย์แข้งหนุ่มกับตัวประสบการณ์ โดยขอให้มีกระดูกสันหลังเป็นนักเตะจากอะคาเดมี่
อย่างแมตช์ปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 วานนี้ก็มีถึง 6 คนจากรายชื่อกลุ่มส่งแข่งที่ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ปั้นเอง
“สำหรับผมแล้วมองว่าปัญหาที่คนส่วนใหญ่มอง, ที่สื่อมวลชนมอง คือติดภาพว่า เชลซี ก็ยังคงเป็น เชลซี แบบวันก่อนๆ” กุนซือวัย 45 ปีเปิดปากผ่าน ‘เชลซี ทีวี’
“แต่ความจริงคือมันไม่เหมือนเดิมแล้ว… ก็สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดถึงทำใจยอมรับกันได้ลำบาก”
“ตัวอย่างเมื่อคืนเมื่อ นิโคลัส แจ็คสัน โดนแบน เราให้ ไทรี้ก จอร์จ เล่นตำแหน่ง#9 แทน แล้วในกลุ่มรายชื่อใช้งานมีผู้เล่นอะคาเดมี่ถึง 6 คนด้วยกัน”
“เปรียบเทียบหากเป็นปีก่อนๆ กรณี ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา บาดเจ็บ คนที่ลงแทนหากไม่ใช่ ดิอโก้ คอสต้า ก็คง เฟร์นานโด ตอร์เรส – ถึงได้บอกว่า เชลซี ตอนนี้ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
“เรามาถูกทาง แต่เรายังสามารถนำพาสโมสรไปยังจุดที่ควรเป็นได้”
“ช่วงเวลาที่ผมมาอยู่กับทีมไม่คิดว่าเราจับจ่ายไปมากมายกว่าสโมสรอื่นๆร่วมลีก เราคงใช้มันในระดับพอๆกัน”
“แต่ทีมกำลังสร้างสิ่งสำคัญ ดังนั้นเหล่าผู้มีจิตศรัทธาจะต้องเชื่อมือกัน เรากำลังไปถูกทิศถูกทาง เราทำงานกันได้ดี และสามารถต่อกรกับใครก็ได้ ในอนาคตสำคัญคือล่าท้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ”
เกมวานนี้นอกจาก จอร์จ ในกลุ่มใช้งานมีเด็กอะคาเดมี่คือ รีซ เจมส์, ลีวาย โคลวิลล์ เป็นตัวจริง ขณะที่สำรองประกอบด้วย เนธาเนี่ยล ชาโลบาห์, จอช อาเชียมปง หรือ มาร์คัส เบ็ตติเนลลี่